เกษตรอินทรีย์คืออะไร
เกษตรอินทรีย์ คือ การทำเกษตรกรรมที่ให้ความสำคัญในการปรับปรุงดิน โดยใช้มูลสัตว์ ซากพืช ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก ที่ผลิตได้เอง โดยอาศัยกระบวนการทางนิเวศวิทยา ความหลากหลายทางชีวภาพ และวงจรธรรมชาติ ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่ ผสมผสานองค์ความรู้พื้นบ้าน นวัตกรรม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่เป็นระบบ และคุณภาพชีวิตที่ดีผู้คนและสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้อง
หลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของเกษตรอินทรีย์ คือ การจัดการดินให้มีความอุดมสมบูรณ์และสมดุล ใช้อินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ในการเลี้ยงดินให้มีชีวิต เพราะถ้าดินดี พืชย่อมแข็งแรงและสมบูรณ์ การปรับปรุงดินในแนวทางเกษตรอินทรีย์จะใช้แนวทางชีวภาพเป็นหลัก มีเป้าหมายเพื่อการฟื้นฟูบำรุงดินและปรับปรุงสมดุลของธาตุอาหารในดินไปพร้อมกัน ซึ่งมีการปรับปรุงดินมีหลายวิธี เช่น การจัดการอินทรีย์วัตถุในไร่นา การจัดการใช้ที่ดินอย่างอนุรักษ์ หรือการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ประเภทต่างๆ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยชีวภาพ
จุดเริ่มต้นของการทำเกษตรอินทรีย์ ก็คือ ดินที่ดี ซึ่งดินจะดีได้นั้นจะต้องมีการเลี้ยงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ดินไปเลี้ยงพืช โดยใช้วิธีการห่มดิน การทำวิธีนี้มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดี ร่วนซุยขึ้น ช่วยดูดซับธาตุอาหารไว้ให้แก่พืช กระตุ้นให้จุลินทรีย์สร้างอาหารสำหรับพืช ช่วยปรับความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสมกับการเติบโตของพืช และสร้างความต้านทานต่อโรคและแมลงให้แก่พืช โดยมีขั้นตอนการทำง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนการห่มดิน
- นำปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยอินทรีย์คืออะไร) โรยรอบบริเวณทรงพุ่มใต้ต้นไม้ เพื่อเพิ่มสารอาหารในอินทรียวัตถุให้แก่พืช
- นำฟางข้าวหรือเศษพืช เช่น ใบไม้ หญ้าแห้ง วัชพืชต่างๆ มาคลุมให้ทั่วบริเวณทรงพุ่ม มีความหนาประมาณ 1 ฝ่ามือ และห่างจากโคนต้นประมาณ 1 คืบ เพื่อรักษาความชื้นของหน้าดิน ซึ่งจะทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในดินเกิดการขยายตัวมากขึ้น
- โดยการรดน้ำตามปกติ เพื่อรักษาความชื้นและเพิ่มจำนวนสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในบริเวณนั้น อาจเสริมด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์ (วิธีทำหัวเชื้อจุลินทรีย์) เพื่อให้จุลินทรีย์ทำการย่อยอินทรีย์วัตถุบริเวณนั้นออกมาให้กับพืช
หากมีการห่มดินที่ถูกต้อง ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน รากพืชบางส่วนจะงอกขึ้นมาหาอาหารบนดิน ซึ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของต้นพืชได้ ถ้าต้นสมบูรณ์ดีเมื่อทำการเปิดหน้าดินและสังเกตที่ปลายราก ถ้าปลายรากยาว อวบ และสดใส มีจำนวนมาก แต่ถ้าปลายรากเรียวเล็กก็แสดงว่าความสมบูรณ์ของต้นยังน้อย ให้เพิ่มปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและรดน้ำให้มีความชื้นอยู่เสมอ หรือรดด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์เพิ่มเติมก็ได้